Thursday, September 21, 2017

I, ACTOR

I, ACTOR...เพราะเราเท่ากัน (2017, Siroros M-Athi Surathachaiwat, documentary, A+25)

ดูหนังเรื่องนี้ได้ที่นี่

1.ชอบประเด็นหรือตัว subject ของหนังมาก ที่เป็นผู้พิการทางสายตาที่เป็นนักแสดงละครเวที เราว่าตัว subject มันน่าสนใจมากๆเลย เพราะเราไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน คือตัว subject มันมีความพิเศษในตัวมันเองอยู่แล้ว และเราก็เลยคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆที่มีหนังนำเสนอเรื่องราวของเขาออกมา เพื่อให้ผู้ชมได้รับรู้ว่ามีนักแสดงละครเวทีคนนี้อยู่ และเขามีความคิด, ความรู้สึก, ความต้องการอะไรบ้าง คือหนังเรื่องนี้ทำหน้าที่ให้ข้อมูลที่น่าสนใจ และเป็นกระบอกเสียงของตัว subject ได้ดีมากๆน่ะ

2.แต่ถ้าถามว่า ทำไมถึงไม่ได้ชอบหนังสุดๆในระดับ A+30 มันก็อาจจะเป็นเพราะว่า เรารู้สึกว่าเราต้องการเห็นอะไรมากกว่านี้นะ คืออยากเห็น “ชีวิตประจำวัน” และเรื่องราวของตัว subject ในด้านอื่นๆมากกว่าการเป็นนักแสดงละครเวทีน่ะ คืออยากรู้ว่าครอบครัวเขาเป็นอย่างไร, ทำมาหาเลี้ยงชีพอย่างไร มีการบันทึกภาพเขาทำกิจวัตรประจำวันในห้องนอน, เดินตามท้องถนน, พูดคุยกับเพื่อนๆ หรือสัมภาษณ์เพื่อนๆของเขาที่เป็นคนพิการทางสายตาด้วย

คือเรารู้สึกว่าประเด็นในหนังมันแคบไปนิดนึงน่ะ มันเหมือนมองว่า subject คนนี้มีความพิเศษตรงที่เป็นผู้พิการทางสายตาแต่เป็นนักแสดงละครเวทีด้วย และหนังก็เจาะแค่อันนี้เป็นหลัก คือนำเสนอ “ความพิเศษ” ของเขาเป็นหลัก ซึ่งแค่นั้นมันก็ดีมากพอแล้ว เราก็เลยชอบหนังในระดับเกือบสุดๆ แต่จริงๆแล้ว เราอยากเห็น “ความเป็นคนธรรมดา” ของเขาด้วยน่ะ คือถ้าหนังมีการใส่ซีนที่บ่งบอก “ความเป็นคนธรรมดา” ของเขาเข้ามาด้วยเป็นระยะๆในจังหวะที่เหมาะสม มันอาจจะช่วยให้หนังสมบูรณ์มากขึ้น หรือช่วยหล่อเลี้ยงอารมณ์ในหนังไม่ให้มัน monotone หรือมีจังหวะเดียวมากเกินไป

ตัวอย่างของหนังที่ออกมาในแนวทางนี้ที่เราชอบมากก็คือหนังสารคดีเรื่อง GRAYSCALE (2005, ดำรง หอดำรง, 30min) นะ คือ GRAYSCALE เป็นหนังสารคดีเกี่ยวกับผู้พิการทางสายตาเหมือนกัน แต่ GRAYSCALE จะนำเสนอ “ชีวิตรอบด้าน” ของตัว subject น่ะ ไม่ได้เน้นนำเสนอแค่แง่มุมเดียวของตัว subject และมันก็เลยออกมาทรงพลังและสะเทือนใจมากพอสมควร

ซึ่งอันนี้อาจจะเป็นรสนิยมส่วนตัวของเราด้วยมั้ง เหมือนเราจะถูกโฉลกหรือชอบอะไรที่มันดูเหมือน “ไม่ตรงประเด็น” แต่มันช่วยสร้างความเป็นมนุษย์ให้กับตัว subject นั้นโดยที่หนังอาจจะไม่ได้ตั้งใจน่ะ คือเรากำลังนึกถึงหนังสารคดีอย่าง TO REACH THE DREAM กว่าจะถึงฝั่งฝัน (2016, Kulyada Jampunyakul) อะไรทำนองนี้ คือ TO REACH THE DREAM เป็นหนังสารคดีเกี่ยวกับนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทยที่เป็นสาวสวย คือหนังเรื่องนี้ก็มีส่วนที่เป็น “ข้อบังคับ” ของหนังประเด็นนี้ คือมีฉากที่ติดตามการฝึกซ้อมอย่างหนักของตัว subject แต่ปรากฏว่า ฉากที่เราชอบที่สุดฉากนึงในหนังเรื่องนี้ คือฉากตัว subject ไปเดินเล่นหาของกิน แดกลูกชิ้นปิ้งอะไรทำนองนี้น่ะ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นฉากที่ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็น “นักแบดมินตันทีมชาติไทย” แต่อย่างใดเลย แต่มันกลับเป็นฉากที่ประทับใจเรามากที่สุด การแดกลูกชิ้นปิ้งกลายเป็นอะไรที่น่าจดจำสำหรับเรา มากกว่าการให้ข้อมูลว่า นักแบดมินตันทีมชาติเขาต้องฝึกซ้อมกันอย่างไรบ้าง

เพราะฉะนั้น I, ACTOR ก็เลยเหมือนขาดรสชาติอย่างนึงที่เราชอบเป็นการส่วนตัวไปน่ะ แต่ไม่ใช่ว่าหนังเรื่องนี้ไม่ดีหรือมีข้อบกพร่องนะ เราแค่พยายามจะอธิบายว่า เพราะเหตุใดหนังเรื่องนี้ถึงอาจจะไม่เข้าทางเราแบบสุดๆ เท่านั้นเอง


No comments: